ระบบ เกียร์ รถยนต์เรียกได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญของการส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังล้อรถ หากรถยนต์ไม่มีระบบเกียร์แล้วล่ะก็ จะไม่สามารถขับเคลื่อนได้เลย ในปัจจุบันรถยนต์ในท้องตลาดสามารถแบ่งออกเป็น 3 เกียร์แบบหลัก ๆ ได้แก่
- ระบบ เกียร์ รถยนต์ ธรรมดา
- ระบบ เกียร์ ออ โต้ รถยนต์
- ระบบเกียร์รถไฟฟ้า
สำหรับบทความนี้จะพูดคุยเฉพาะแค่ระบบ เกียร์ รถยนต์ ธรรมดา กับระบบ เกียร์ ออ โต้ รถยนต์ เพียงเท่านั้น ในส่วนของระบบเกียร์รถไฟฟ้าไม่ขอพูดถึง เนื่องจากกลไกการทำงานแตกต่างไปจากเกียร์รถยนต์ธรรมที่ใช้งานกันนั้นเอง
ระบบเกียร์ คือ ตัวกลางที่รับหน้าที่ถ่ายทอดกำลังของเครื่องยนต์ไปสู่เพลาล้อรถยนต์ ซึ่งระบบเกียร์จะมีอัตราทดที่มีการคำนวณออกแบบให้เหมาะสมกับรถยนต์รุ่นนั้น ๆ หากอัตราทนของเกียร์และเพลาไม่ลงตัว คุณจะพบความพิเศษของรถยนต์ ยกตัวอย่างเช่น รถวิ่งไม่ออก ตลอดจนรถวิ่งอั้น อะไรแบบนี้เป็นต้น
อ่านเพิ่มเติม
ระบบ เกียร์ รถยนต์ ธรรมดา
id="attachment_1069" align="aligncenter"

ระบบ เกียร์ รถยนต์ ธรรมดา
ถือว่าอยู่เคียงคู่กับรถยนต์มาตั้งแต่ยุคเริ่มต้นก็ว่าได้ และไม่มีอะไรที่ซับซ้อน เป็นฝันเฟื่องเกียร์ที่ขบกันไปตามอัตราทนนั้นเอง ในปัจจุบันรถยนต์ที่ยังได้รับความนิยมใช้ระบบ เกียร์ ธรรมดา รถยนต์ก็คือ พวกรถกระบะบรรทุกเป็นต้น เนื่องจากต้องการความทนทานในการใช้งาน และมีค่าซ่อมบำรุงที่ถูกนั้นเอง
ข้อเสียของระบบ เกียร์ ธรรมดา รถยนต์ก็คือ มันไม่สะดวกสบายเท่ากับเกียร์ออโต้นั้นเอง ตลอดจนการฝึกขับรถยนต์เป็นครั้งแรก และเลือกรถยนต์ที่ฝึกเป็นเกียร์ธรรมดา บอกได้เลยว่ายากจะเพิ่มขึ้นจากเกียร์ออโต้พอสมควรก็ว่าได้
ส่วนของดีของระบบ เกียร์ ธรรมดา รถยนต์คงหนีไม่พ้นเรื่องความทนทานในการใช้งาน ซ่อมบำรุงถูก ตอบสนองได้กว่าเกียร์ออโต้เนื่องจากเราเป็นคนควบคุมนั้นเอง
ระบบ เกียร์ ออ โต้ รถยนต์
ในปัจจุบันเกียร์ออโต้ที่อยู่ในรถยนต์ที่เราคุ้นชินจะมีให้เลือกทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่
- เกียร์ออโต้แบบ CVT
- เกียร์ออโต้แบบ Torque Converter
- เกียร์ออโต้แบบคลัทช์คู่ DCT
เกียร์ออโต้แบบ CVT (ระบบ เกียร์ รถยนต์)
id="attachment_1070" align="aligncenter"

เกียร์ออโต้แบบ CVT
นับว่าเป็นเกียร์ออโต้ยอดนิยมในยุคปัจจุบันก็ว่าได้ สำหรับเกียร์ออโต้แบบ CVT (Continuously Variable Transmission) ซึ่งสามารถแปลความหมายได้ว่า การเปลี่ยนเกียร์ในจังหวะที่ต่อเนื่อง โดยในปัจจุบันถือว่าเกียร์ออโต้แบบ CVT มีความทนทานในการใช้งานพอสมควร ตลอดจนมีช่างเก่ง ๆ ที่สามารถซ่อมแซมได้หากเกียร์มีปัญหาขึ้นมา
สำหรับการดูแลรักษาเกียร์ออโต้แบบ CVT หลัก ๆ มีเพียง เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ตามระยะทางที่คู่มือรถยนต์ได้กำหนด หรือใครเน้นความสบายใจก็อาจเปลี่ยนทุกระยะการใช้งาน 20,000 กม. ก็ไม่มีปัญหา ทั้งหมดนี้เพื่อเพิ่มอายุของเกียร์ให้สามารถใช้งานได้นานขึ้นนั้นเอง นอกจากนี้การขับขี่ที่ไม่เน้นการเหยียบคันเร่งแบบคิกดาวน์ (Kick Down) ก็จะช่วยยืดอายุการใช้งานของเกียร์ให้ยาวนานขึ้น
เกียร์ออโต้แบบ Torque Converter (ระบบ เกียร์ รถยนต์)
id="attachment_1071" align="aligncenter"

ในปัจจุบันเกียร์ออโต้แบบ Torque Converter ก็ยังคงได้รับความนิยมอยู่พอสมควร
ในปัจจุบันเกียร์ออโต้แบบ Torque Converter ก็ยังคงได้รับความนิยมอยู่พอสมควร มักจะพบได้กับรถยนต์ที่มีราคาไม่สูง อาทิเช่น Suzuki XL7 และ Mitsubishi Xpander เป็นต้น เนื่องจากเกียร์ออโต้แบบ Torque Converter ถือเป็นเทคโนโลยีเก่านั้นเอง โดยจะมีชื่อเรียกที่คุ้นหูว่าเกียร์ AT
เกียร์ออโต้แบบ Torque Converter สามารถทนแรงบิดได้สูง ทำให้เกียร์มีความทนทาน ซึ่งจะมาพร้อมข้อเสียที่ว่า มีน้ำหนักที่มากพอสมควรเมื่อเทียบกับเกียร์ชนิดอื่น ๆ และเกียร์ยังให้สมรรถนะที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ทำให้รถยนต์ที่ใช้เกียร์เกียร์ออโต้แบบ Torque Converter มีอัตราบริโภคน้ำมันที่สูงกว่าเล็กน้อย
เกียร์ออโต้แบบคลัทช์คู่ DCT (ระบบ เกียร์ รถยนต์)
id="attachment_1072" align="aligncenter"

เกียร์ออโต้แบบคลัทช์คู่ DCT
พร้อมตอบสนองการขับขี่ที่ใกล้เคียงกับรถยนต์ที่ใช้เกียร์ธรรมดาก็ว่าได้ สำหรับเกียร์ออโต้แบบคลัทช์คู่ DCTที่มีการใช้กล่องสมองควบคุมมาช่วยในการเปลี่ยนเกียร์ ซึ่งเกียร์ออโต้แบบคลัทช์คู่ DCT จะได้รับความนิยมกับรถสปอร์ตทั้งหลายที่ต้องการขับขี่ที่สนุก ตอบสนองในทุกย่านความเร็วได้อย่างยอดเยี่ยม โดยคลัทช์ชุดแรกเป็นตัวส่งกำลังทั่วไป และมีคลัทช์อีกชุดมาไว้เพื่อช่วยในการเปลี่ยนอัตราทดของเกียร์นั้นเอง
สุดท้ายนี้ไม่ว่ารถยนต์ของคุณจะเลือกใช้เกียร์รูปแบบไหนก็ตามแต่ ล้วนต้องมีการซ่อมบำรุงเป็นมาตรฐาน โดยเรามีคำแนะนำที่ดีที่สุดก็คือ ตรวจเช็กเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ตามระยะทางที่บริษัทรถยนต์ได้กำหนด เพื่อป้องกันเกียร์จะเสียหายก่อนเวลาอันควรนั้นเอง
ติดตามข่าวล่าสุดได้ที่:https://khaotoyota.com/