id="attachment_1006" align="aligncenter"

รถยางแตก ควรทำอย่างไร ?
สิ่งแรกที่ควรทำคือจับพวงมาลัยให้มั่น แล้วประคองรถให้อยู่บนเส้นทางไว้ก่อน ขณะเดียวกันก็ค่อย ๆ ปล่อยให้รถลดความเร็วไปเอง จากนั้นเมื่อรถช้าลงจนอยู่ระดับที่รู้สึกว่าปลอดภัยแล้ว ให้จอดลงข้างทาง พร้อมกับเปิดไฟฉุกเฉินเพื่อให้ผู้ร่วมทางคนอื่น ๆ รู้ว่ารถมีปัญหา และโทรตามช่างซ่อมอีกที ข้อควรจำ คือ ห้ามเหยียบเบรกกะทันหัน หรือกระทืบเบรกแรง ๆ เด็ดขาด เมื่อต้องเบรกควรแตะเบรกเบา ๆ เท่านั้น นอกจากนี้ ยังไม่ควรใช้เบรกมือ เพราะอาจทำให้รถเสียหลักได้ กรณีที่เป็นรถยนต์เกียร์ธรรมดา ห้ามใช้คลัชต์เด็ดขาด เนื่องจากจะทำให้รถควบคุมได้ยากยิ่งขึ้นจนอาจเกิดอุบัติเหตุตามมา id="attachment_1007" align="aligncenter"

ป้องกันรถยางแตกได้อย่างไร ?
อย่างที่ได้บอกไป สาเหตุที่ทำให้ยางแตกมาจากยางเสื่อมสภาพ ยางรถยนต์แตกลายงา รวมถึงพฤติกรรมการขับรถไม่ถนอมยาง เช่น การขับรถเร็วมากเกินไป หรือบรรทุกหนักเกินกำลังของรถ รวมถึงการเหยียบวัตถุมีคม เช่น ตะปู หินแหลม ๆ และการสูบลมยางที่ไม่ถูกต้องตามขนาดของยาง ผู้ใช้รถจึงควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมการขับขี่ที่เป็นสาเหตุให้ยางเสื่อมสภาพ อาทิ ขับรถด้วยความเร็วที่เหมาะสม ไม่บรรทุกของหนักจนเกินไป สูบลมยางให้สมดุล รวมถึงเช็กสภาพยางรถยนต์อยู่เสมอ โดยหมั่นสังเกตว่ายางรถยนต์แตกลายงา-ชำรุดแล้วหรือไม่ และควรรู้ว่ายางรถยนต์ของคุณหมดอายุตอนไหน จะได้ไม่ต้องกังวลปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง id="attachment_1008" align="aligncenter"

ยางรถยนต์หมดอายุดูอย่างไร
ยางรถยนต์จะมีตัวเลข 4 หลักบอกวันเวลาที่ผลิตอยู่บนแก้มยาง โดยตัวเลขคู่หน้าจะบอกสัปดาห์ที่ผลิตยาง ส่วนตัวเลขคู่หลังจะบอกปี ค.ศ. ที่ผลิตยาง id="attachment_1009" align="alignnone"

- เลขคู่หน้า 15 บอกสัปดาห์ที่ผลิตยาง
- เลขคู่หลัง 19 บอกปี ค.ศ. ที่ผลิตยาง